นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการออนไลน์ต่างประเทศ โดยเหตุผลที่ต้องมีการจัดทำกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศจำนวนมาก ที่ไม่ได้มีบริษัทไม่ไดจดทะเบียนในประเทศไทย แต่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการซื้อขายกับประชาชน เช่น ดาวน์โหลดหนัง เพลง เกม หรือจองโรงแรม ฯลฯ ซึ่งในส่วนนี้ทำให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการได้ จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนบริษัทอยู่ในประเทศไทยซึ่งต้องเสียภาษีในหลายรูปแบบ
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น และต่างประเทศออสเตรเลียและเกาหลี ก็ได้บังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้เช่นกัน โดยสรรพากรคาดว่าจะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีก 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า เป็นการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการ ไม่ใช่การจัดเก็บภาษีประชาชนที่รับบริการแต่อย่างใด
สาระสำคัญของกฎหมายนี้ได้เพิ่มคำนิยามคำว่า ผู้ที่ต้องเสียภาษีกลุ่มนี้คือ ผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้เสียภาษีคำนวณจากภาษีขายโดยไม่ให้หักภาษีซื้อ
โดยที่ผ่านมาได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 14-29 ม.ค.ที่ผ่านมา และผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ลำดับต่อไปคือส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยระหว่างนี้ ครม.สั่งการให้กรมสรรพากรที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง จัดทำคู่มือการบังคับใช้กฎหมายเผยแพร่ให้สาธารณะรับทราบต่อไป