รพ.ขอนแก่น ประณามคนร้ายบุกยิงผู้ป่วยตายคา รพ. เตรียมนิมนต์พระ 5 รูปทำบุญจุดเกิดเหตุ ขณะที่พยาบาลที่เห็นเหตุการณ์เข้าพบจิตแพทย์ หลังเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยัน รพ.เป็นสถานที่สาธารณะ คนเข้า-ออกวันละหลายพันคน สั่งเพิ่มความปลอดภัยเต็มที่
จากกรณีคนร้าย บุกยิงนาย จอ ชอ อ่อง ( Kyaw Swar Aong) อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เสียชีวิต ภายในโรงพยาบาลขอนแก่น ขณะรอเข้ารับการผ่าตัด ที่ตึกอายุรกรรมชาย 6 ชั้น 5 ห้องพักผู้ป่วยรวม ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 มิ.ย.2567 ที่ รพ.ขอนแก่น นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.วิชิต เสนไสย รอง ผอ.รพ.ขอนแก่น นำคณะผู้บริหารฝ่ายการแพทย์ และพยาบาล เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจแพทย์และพยาบาลที่ปฎิบัติหน้าที่ ชั้น 5 อาคาร 6 หอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย 2 จุดที่เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืน นายจอ ชอ อ่อง (Kyaw Swar Aong) อายุ 29 ปี แรงงานชาวเมียนมาร์ ที่รอรับการรักษา เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา จนเสียชีวิตคาที่ โดยได้พูดคุยกับแพทย์ พยาบาล ที่ปฎิบัติงาน รวมทั้งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่หอผู้ป่วยดังกล่าว รวม 32 คน โดยพบว่าแพทย์และพยาบาล ยังคงมีขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ มีเพียงพยาบาลประจำอาคาร 5 ชั้น 3ที่มาประจำในจุดที่เกิดเหตุเพื่อดูแลผู้ป่วยของตนเองและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เข้าพบทีมจิตแพทย์ และอยู่ในการดูแลของแพทย์และเพื่อนร่วมงานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีความเครียดและวิตกกังวลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี่ (8 มิ.ย.) รพ.ฯจะนิมนต์พระสงฆ์ 5 รูป มาถวายภัตราหารเพล และมาให้พรแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยที่เกิดเหตุเพื่อขวัญกำลังใจของผู้ปฎิบัติงานและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้ยอมรับว่าอุจอาจอย่างมาก จึงขอประณามมือปืนรายนี้ที่กล้ามาก่อเหตุเพราะช่วงเวลาเกิดเหตุนั้นผู้ป่วย แพทย์ และพยาบาล ยังอยู่กันครบทั้งวอร์ด ซึ่งขณะนี้ภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายเข้ามาจนกระทั่งก่อเหตุและหลบหนีไปมีการบันทึกภาพได้หมดโดย รพ.ฯได้ส่งให่กับตำรวจทั้งหมดแล้ว
“รพ.ขอนแก่น เป็น รพ.รัฐ เป็นพื้นที่สาธารณะที่ให้บริการผู้ป่วยวันละหลายพันคน เฉพาะหอผู้ป่วยมีรวมกว่า 50 วอร์ด มีผู้ป่วยครบทั้ง 1,250 เตียง ไม่นับรวมผู้ป่วยนอกอีกวันละหลายพันคน โดยทุกจุดและทุกตึกของ รพ.ฯ มีกล้องวงจรปิดทั้งหมด โดยจากการตรวจสอบพบว่าคนร้านจอดรถอยู่กน้า รพ.ฯและนั่งในรถประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินจากรถอ้อมไปฝั่งซ้ายของรถ เลี้ยวขวาเข้าประตู 2 และเดินผ่านหน้าร้านสวัสดิการ มึ่งหน้าไปทางสระน้ำ จากนั้นเดินผ่านข้างอาคาร 5 ไปเข้าด้านหน้า อาคาร 6 ชั้น 1 และเข้าประตูกระจก อาคาร 6 ชั้น 1 เดินผ่านเตียงผู้ป่วย เลี้ยวซ้ายเพื่อไปขึ้นลิฟต์ และขึ้นไปชั้น 5 และหลังก่อเหตุ ก็กลับมาทางมากลับที่เข้ามาใน รพ.”
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า โดยปกติ รพ.จะเน้นหนักในมาตรการรักษาความปลอดภัยและคุมเข้ม 2 จุดหลักคือ ห้องฉุกเฉินและ หอผู้ป่วยจิตเวช โดยมีการประสานงานกับ สภ.เมืองขอนแก่น หากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จะระงับเหตุได้ 5 นาที เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์นี้ที่ ตร.เข้ามาตรวจสอบและประสานการทำงานกับ รพ.ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามจะมีการตรวยสอบเพิ่มว่าจะต้องติดตั้งหล้องวงจรปิดเพิ่มหรือไม่เพราะที่มีอยู่นั้นครอบคลุมพื้นที่แล้วทั้งหมด และหากจะต้องติดเครื่องตรวจหาอาวุธ แบบประตูหรือแบบพกพาที่ทำการตรวยสอบแบบสนามบินหรือ รพ.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งหากต้องติดตั้งทั้งประเทศควรใช้งบตีงนี้มาชื้อเครื่องมือทางการแพทบ์หรือใช้ในการรักษาผุ้ป่วยจะดีกว่า และหากดูพฤติกรรมของคนร้ายยอมรับว่าเตรียมการมาดี ทีการซ่อมปืนไว้ในกระเป๋า ในลักษณะมืออาชีพมาก
ขณะที่ น.ส.เอ (นามสมมุติและเจ้าตัวไม่ขอเปิดเผยใบหน้าและชื่อสกุล) พยาบาลที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุนั่งเข้าเวรตามปกติ คนร้ายมาเคาะกระจกและถามหาผู้ป่วนที่ย้ายมาจากอาคาร 6 ชั้น 5 โดยสำเนียงภาษากลางและบอกชื่อถูกต้อง จึงบอกไปว่าน่าจะอยู่ฝั่งท้ายสุดของห้องให้ไปถามพยาบาลที่ตามมาด้วย คนร้ายก็เดินออกไปแต่ไม่สามารถเข้าได้เพราะประตูปิดทั้งหมดและให้เข้าบริเวณด้านหน้าเพียงด้านเดียว ก่อนที่คนร้ายจะย้อนกลับมาเดินผ่านจุดพักแพทย์ และพยาบาลและเดินตรงเข้าไปหาผู้ตายและใช้อาวุธปืนยิงเสียงดังสนั่น
“หลังจากที่ได้ยินเสียงดังปั้ง ดังสนั่น พยาบาลและแพทย์รีบวิ่งไปดู ตอนแรกนึกว่าอะไรระเบิด แต่เมื่อไปถึงพบผู้ป่วยนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด แม่คนงานประจำวอร์ดได้ลุกออกมาและปิดประตูทางเข้าเพื่อ ห้ามคนเข้าออก คนร้ายเดินออกมาและได้คุยกับแม่คนงานเป็นภาษาอีสานว่าเป็นญาติผู้ป่วย ไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้ และตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนจะเดินออกประตูไป จากนั้นทีมแพทย์และพยาบาลจึงพากันช่วยชีวิต และตรวจสอบพื้นที่ต่างๆตามขั้นตอนจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์”