คนเสื้อแดงขอนแก่น เชื่อ “ทักษิณ” คัมแบ็กหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรฯ คว้าชัยแน่ พร้อมเผยมีเซอร์ไพส์อีกหลายจังหวัด เพื่อเดินหน้านโยบายจากรัฐบาลสู่ท้องถิ่นได้โดยตรง ขณะที่เงินหมื่นเฟสสองรอฟังข่าวดี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 พ.ย.2567 ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผศ.ดร.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษากลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน เปิดเผยว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี เบอร์ 2 ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรกในรอบ 18 ปี ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ ที่อดีตผู้นำประเทศและนายกรัฐมนตรีในดวงใจของคนไทย ที่ได้กลับมาทำหน้าที่ที่ถนัดและชื่นชอบอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่ทรสบกันว่าอุดรธานีเป้นใองหลวงเสื้อแดง มีแฟนคลับคุณทักษิณ และมีคณะทำงานร่วมกันของคนเสื้อแดงมาอย่างเหนียวแน่นและต่อเนื่องและวันนี้มีความชัดเจนเกิดขึ้นคือการที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนและส่งนายศราวุธ เพชรพนมพร ลงสมัครรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ซึ่งกำหนดจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ดังนั้นสนามการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยสู้เต็มที่และจะแพ้ไม่ได้
“ อุดรธานี เรามี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 7 คน ขณะที่พรรคประชาชนมี 1 คนและพรรคไทยสร้างไทยมี 2 คน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้คนอุดรธานีและคนเสื้อแดงทุกคนจะช่วยกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาซึ่งผู้นำที่เป็นคนของพรรคเพื่อไทย เพราะ อบจ.ถือเป็นพี่ใหญ่ของ อปท. ซึ่งการปราศรัยและลงพื้นที่หาเสียงของคุณทักษิณ ครั้งแรกในรอบ 18 ปี จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการประสานนโยบายจากรัฐบาลสู่พื้นที่ จะผ่านผู้นำในแต่ละจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสนาม ซึ่งจะเป็นจังหวัดใดอีกนั้นต้องติดตามกันต่อไป”
ผศ.พรรณวดี กล่าวต่ออีกว่า ด้วยอายุของคุณทักษิณที่มาก อาจจะไปช่วยหาเสียงได้ไม่ทุกจังหวัด แต่การกลับมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงือเป็นความตั้งใจจริงที่อดีตผู้นำประเทศต้องการกลับมาทำงานเพื่อประชาชนคนและเพื่อประเทศอีกครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะทำงานว่าเน้นหนักจังหวัดใด หรือบุคคลใดที่พรรคเพื่อไทยส่งลงสมัครรับการเลือกตั้งในช่วงของการเลือกตั้ง อบจ.ที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนรอฟังข่าวดีในโครงการเงินกระตุ้นเศรษบกิจ 10,000 บาทระยะที่ 2 ที่มีการพูดถึงกันแล้ว โดยเฉพาะกับบุคคลที่อายุ 60 ปีขึ้นไปที่รัฐบาลได้พิจารณาเป็นการดำเนินงานในระยะที่ 2 ที่จะต้องรอฟังรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งจากรัฐบาลแต่จะเกิดขึ้นแน่ในเร็วๆนี้