กรมทางหลวงอัด 2 โครงการใหญ่ ถนน 4 ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด พัฒนาศักยภาพด้านการขนส่งอย่างครบถ้วน
เมือเวลา 15.00 น.วันที่ 10 ส.ค.2564 ที่โรงแรมราชาวดีรีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในการประชุมรับฟังความคิดเห็นและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำรวจออกและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร บนทางหลวงหมายเลข 201 แยกทางหลวงหมายเลข 12 เชื่อมต่อ ระหว่าง จ.ขอนแก่น กับ จ.เลย ช่วง บ.โนนหัน-อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน-บ.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยมีการจำกัดผู้เข้าร่วมประชุมภายในห้องประชุม การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอลล์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขคอยกำกับและตรวจคัดกรองผู้เข้ารวมประชุมและกำหนดมาตรการในการประชุมอย่าเข้มงวด
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ขอนแก่นได้รับโครงการขนาดใหญ่จากกรมทางหลวงในการเข้ามาพัฒนาพื้นที่ที่ถือเป็นการยกระดับและแสดงถึงศักยภาพของการเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและเมืองแห่งการประชุม สัมมนาและแสดงนิทรรศการ ด้วยองค์ประกอบในด้านต่างๆที่ครบถ้วน ดังนั้นการพัฒนาด้านระบบขนส่งมวลชนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่วันนี้ได้มีการมาพูดคุยกันและติดตามความคืบหน้าในแผนดำเนินงานเส้นทางทางหลวงสายสำคัญเชื่อมต่อระหว่างขอนแก่นและเลย คือจาก บ.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นไปจนถึง บ.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 201 เริ่มต้นที่ กม.245+000 สิ้นสุดโครงการที่ กม.266+700 รวมระยะทาง 21.70 กม. มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ ม.5 บ.โนนชาด และ บ.น้อยพรสวรรค์ ม.12 ของ ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และ พื้นที่ ม.1 บ.ผานกเค้า ต.ผานกเค้า อ.ภูกระดึง จ.เลย ซึ่งขณะนี้การออกแบบรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ ด้านเรขาคณิต งานทาง งานโครงสร้าง งานระบายน้ำ งานระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงงานจัดภูมิทัศน์ในบริเวณทางแยกและการจัดการจราจรในระหว่างการก่อสร้าง ทั้งหมดได้ถูกสำรวจและออกแบบมาเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ขณะนี้มีการสรุปรายงานเจ้ามาเช่นกัน และแม้ว่าถนนเส้นทางสายนี้ที่จะมีการขยายช่องทางการจราจร จาก 2 ช่องทาง เป็น 4 ช่องทางจะตัดผ่านเขตอุทยาน แต่การดำเนินงานต่างๆเป็นไปอย่างรัดกุมและปฎิบัติตามข้อกฎหมายทั้งหมด
“ จะเห็นได้ว่าผลการสำรวจต่างๆนั้นได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กรมทางหลวงกำหนด ขณะที่ที่ประชุมมีความเห็นในเรื่องของต้นไม้สองข้างทาง ที่ต้องตัดผ่านเขตอุทยานและเขตป่าสงวนแห่งชาติ 2 จุดคือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงลานและป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยส้มและป่าภูผาแดง รวมทั้งแหล่งชุมชน จึงมีการเสนอในเรื่องของการนำต้นไมที่ต้องถูกปรับย้ายออกไปในการนำไปปลูกในพื้นที่อื่นๆตามแนวถนนเพื่อให้เกิดความสมดุลและสมบูรณ์ของผืนป่าในเขตอุทยานในภาพรวม”
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า และอีก 1 โครงการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของกรมทางหลวงที่จังหวัดได้รัยนั้นคือการขยายช่องทางการจราจร จาก 2 ช่องทางเป็น 4 ช่องทาง ช่วงอ.มัญจาคีรี – ชนบท –บ้านไผ่ ทางหลวงหมายเลข 229 บ.หนองม่วงมัญจาคีรี ช่วงกม.20+500 ถึง กม.23+000 ระยะทาง 2.5 กม.ซึ่งจะผ่านพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ หรือหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งพบว่ามีแหล่งโบราณคดีที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนจำนวน 6 แห่ง ดังนั้นการดำเนินงานในจุดนี้ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างรัดกุมและละเอียดเพื่อรักษาสมบัติของชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเมือง ตามบริบทของเมืองที่ตรงจุดและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนและการคมนาคมขนส่งในภาพรวม