ตำรวจ เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง กลางห้างดังขอนแก่น ได้ทองไปมูลค่าร่วมล้านบาท เร่งส่งภาพคนร้ายทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกฝ่ายแจ้งเบาะแส ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ล่าสุดวิ่งผ่านหน้าสถานีรถไฟและหายตัวไป
จากกรณีคนร้านบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. เข้ามาก่อเหตุชองทรัพย์ร้านทองกีรติ ซึ่งตั้งอยู่ ชั้น 2 ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เขตเทศบาลนครขอนแก่น ก่อนที่จะกวาดทองคำรูปพรรณ น้ำหนักรวม 24 บาทหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 พ.ย.2564 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะ โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 ประชุมร่วม พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และชุดสืบสวนสอบสวน ร่วม บก.สส.ภ.4,กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ ชุดสืบสน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีที่เกิดขึ้น
พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ เข้ามาก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยแต่งกายมิดชิดปกปิดใบหน้า ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนจะไปคว้าเอาทองรูปพรรณเป็นสร้อยข้อมือน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 11 เส้น วิ่งออกจากร้านหลบหนีไปโดยได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัดเพื่อเปิดทาง โดยได้ทำทองหล่นและมีคนนำมาส่งคืนให้ ทำให้คนร้ายได้สร้อยข้อมือทองคำไปทั้งสิ้น 8 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวม 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล ขณะที่กล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายวิ่งหลบหนีตั้งแต่ในห้างจนกระทั่งผ่านหน้าสถานีรถไฟขอนแก่นไป
“ในทางคดีนั้นมีความคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจากกระทบกับสำนวนการสอบวน เบื้องต้นหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้วางแผนกันติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพได้ว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายไม่ใช้ยานพาหนะในการหลบหนี โดยหลังก่อเหตุจากชั้น 2 ได้วิ่งออกจากห้าง บริเวณประตูหน้าชั้น 1 และวิ่งไปตาม ถ.ศรีจันทร์ ผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และไปทางสถานีรถไฟโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจพอจะทราบเส้นทางของคนร้ายรายนี้แล้ว โดยคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่ขอนแก่น ในส่วนเบาะแสต่างๆที่ได้รับแจ้งมานั้น ทั้งท่าทางการเดิน บุคลิกต่างๆ ทุกเบาะแสทางตำรวจได้ส่งทีมลงพื้นที่ไปพิสูจน์ทราบทั้งหมดเช่นกัน โดยหากพลเมืองดีท่านใดพบเห็นหรือมีเบาะแสแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การจับกุม ทางตำรวจมีเงินรางวัลนำจับให้ 50,000 บาท”
พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจสอบวิธีการของคนร้ายเชื่อว่าไม่ใช่มืออาชีพ แต่มีการเตรียมการมาก่อนเป็นอย่างดี และหลังก่อเหตุก็ใช้วิธีเดินเท้า ไม่ได้ถอดชุดวิ่งหลบหนีไปจนสุดพิกัดที่ตำรวจตรวจสอบพบ ทั้งนี้แม้ว่าจะยังจับโจรรายนี้ไม่ได้ แต่ทางคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยคาดว่าจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เร็วๆนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้า ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุดังกล่าว ยังคงมีประชาชนมาใช้จ่ายเ
ลือกซื้อสินค้าตามปกติ และห้างฯยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในบริเวณชั้น 2 มากขึ้น เนื่องจากเป็นที่ตั้งของธนาคาร,ร้านทอง และร้านเพชร ที่มีประชาชนมาติดต่อและทำธุรกรรมในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ได้เดินเข้ามาภายในบริเวณห้างโดยสวมหมวกไอ้โม่งสีดำปกปิดใบหน้า โดยมีการถือถุงพลาสติกสีขาว ภายในบรรจุอาวุธปืนขนาด 9 มม. โดยก่อนจะเดินเข้าร้านได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิง ของห้างฯ ตะโกนเรียกและห้ามเข้าไป แต่คนร้ายได้หยิบปืนออกจากถุงแล้วชูขึ้นฟ้า แต่ด้วยมีลูกค้าอยู่ในร้านจำนวนมากและพนักงานให้บริการลูกค้าแบบเต็มทุกช่องทางการให้บริการ คนร้ายจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ทำให้ลูกค้าและพนักงานวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายจึงปีนเข้าไปด้านหลังเคาท์เตอร์ และคว้าเอาสร้อยข้อมือทองคำ ที่วางโชว์อยู่หลังเคาท์เตอร์ น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวม 11 เส้น และวิ่งหลบหนีออกจากร้าน โดยในจังหวะวิ่งออกมาจากร้านได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัดเพื่อเปิดทางหลบหนี ก่อนที่จะวิ่งจากชั้น 2 วิ่งลงบันไดเลื่อนมายังชั้น 1 แล้ววิ่งออกจากห้างฯที่ประตูฝั่งลานจัดกิจกรรม ติดกับ ถ.ศรีจันทร์
จากนั้นคนร้ายได้วิ่งมาตาม ถ.ศรีจันทร์ ตัดเข้าชุมชนข้างทางรถไฟแล้ววิ่งไปยังหน้าสถานีรถไฟ โดยกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ขณะวิ่งผ่านสถานีรถไฟและได้หายไปเมื่อพ้นสถานีรถไฟ ซึ่งในขณะที่คนร้ายหลบหนี ได้ทำทองตก อยู่บริเวณชั้น 1 ของห้างฯ ทำให้คนร้ายได้ทองรูปพรรณเป็นสร้อยคอมือทองคำน้ำหนีเส้นละ 3 บาท จำนวน 8 เส้น น้ำหนักรวม 24 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 720,000 บาท
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว-0628929797