วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2567

นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านทีวีพูล ถึงผลการหารือสมาคมภาคธุรกิจ ขอบคุณภาคเอกชน “ทีมไทยแลนด์” ห่วงใยประเทศ ย้ำจะติดตามข้อสั่งการด้วยตนเอง

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงผลดำเนินการจากไปพบสมาคมภาคธุรกิจต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงเป็นวิกฤตด้านสาธารณสุข แต่ยังเป็นวิกฤตที่รุนแรงมากที่ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากินของประชาชน ในด้านสาธารณสุข ประเทศไทยประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้ดีและรวดเร็ว หากเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศในโลก
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความประทับใจกับบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ทั้งแพทย์ พยาบาล พนักงานส่วนงานต่าง ๆ ในสถานพยาบาล อสม. ทั่วประเทศ รวมถึงบุคลากรในภาคส่วนอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดในสถานที่ต่าง ๆ ทุกท่านล้วนเป็นบุคคลสำคัญ ตลอดจนการให้ความร่วมมือ และการมีวินัยของคนไทยทุกคน ทั้งการหมั่นล้างมืออยู่เสมอ และการใส่หน้ากาก โดยไม่ต้องมีกฏหมายบังคับเหมือนในบางประเทศ แต่คนไทยทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน จนเราประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเรา ควรภูมิใจในความสำเร็จของประเทศไทยของเรา อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งวิกฤตที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ นั่นคือวิกฤตในเรื่องของการขาดรายได้ หาเลี้ยงปากท้องของพี่น้องประชาชน
 
ดังนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยจัดการกับวิกฤตเรื่องปากท้อง นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจต่าง ๆ ด้วยตนเอง ในช่วง 2 ถึง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เน้นสมาคมที่เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และคนทำมาหากินทั่วประเทศ เป็นสมาคมที่อาจจะไม่มีโอกาสได้พบปะมาก่อน แต่รู้ว่าเป็นภาคธุรกิจที่เจ็บปวดมากที่สุดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น
 
การที่ไปพบสมาคมภาคธุรกิจต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยขอให้เล่าความเดือดร้อน รวมทั้งแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ให้ผมทราบ เพราะต้องการรับฟังโดยตรง เพื่อเข้าใจความเดือดร้อนที่แท้จริงที่เกิดขึ้น โดยเป้าหมาย คือ หาวิธีแก้ปัญหาตรงหน้า ที่จะสามารถทำได้ทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้นก่อน ซึ่งผมก็ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์อย่างมากจากสมาคมต่าง ๆ  การไปพบสมาคมภาคธุรกิจ ยังทำให้นายกรัฐมนตรีได้รับกำลังใจกลับมาด้วย เมื่อเห็นว่า มีผู้มีความรู้ความสามารถมากมาย ที่เชี่ยวชาญและรู้ชัดว่า ต้องทำอย่างไรกับภาคธุรกิจของตัวเอง และสิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ พวกเขาเหล่านั้นมีความรักความห่วงใยประเทศ ไม่เพียง “ขอ” ความช่วยเหลือให้กับภาคธุรกิจของตัวเอง แต่เค้ายังได้นำเสนอสิ่งที่จะดีสำหรับประเทศชาติด้วย  นายกรัฐมนตรีได้รายงานผลที่ได้จากการไปพบปะหารือกับสมาคมภาคธุรกิจต่าง ๆ มีหลายอย่างที่ผมได้สั่งการให้เกิดขึ้นแล้ว และอีกหลายอย่างที่ผมตัดสินใจแล้วว่า จะผลักดันให้เกิดขึ้น
 
ประการแรก ได้สั่งการในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะเป็นนโยบาย กำหนดโควต้าของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างที่ตั้งไว้แล้ว ต้องไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมไปถึงผู้ประกอบการเล็ก ๆ ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งนี้พิจารณาให้อยู่ในกรอบของข้อกฎหมาย หมายความว่า เงินจะถูกกระจายออกไปเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจรากหญ้า ผู้ประกอบการขนาดเล็ก และกลุ่ม SME ทั่วประเทศ โดยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ผ่านมาตรฐานรับรองตามกฎหมาย โดยจะต้องจัดทำบัญชีผลิตภัณฑ์ขึ้นทะเบียนให้ทราบล่วงหน้า เพื่อพิจารณา อย่างเช่น การขึ้นบัญชีนวตกรรม ที่ดำเนินการมาแล้ว
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้สั่งการนี้เกิดขึ้นจริง โดยได้สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐทำรายงานให้รับทราบตอนสิ้นปี นอกจากนั้น ขอความร่วมมือจากบริษัทขนาดใหญ่ต่าง ๆ หากต้องซื้อของ หรือใช้บริการอะไร ขอให้ช่วยกันสั่งซื้อของ และใช้บริการจากผู้ประกอบการ SME ในประเทศของเรา เนื่องจากกลุ่ม SME ได้สร้างงานสร้างอาชีพให้กับพี่น้องมากกว่า 14 ล้านคนทั่วประเทศ และเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
 
ประการที่สอง  ผลจากการหารือกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้รับทราบว่า สถานที่ค้าขายต่าง ๆ รวมทั้งศูนย์การค้า ห้างร้าน ต่างต้องการให้รีบเปิดสถานที่ค้าขายโดยเร็วที่สุด เพื่อกลับมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง โดยตัวแทนของภาคธุรกิจได้เล่าถึงวิธีการ และความพร้อมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่ห้างร้านต่าง ๆ ได้เตรียมการกันไว้อย่างเข้มงวด ทำให้สบายใจในระดับหนึ่ง และได้สั่งการ เริ่มเปิดห้างร้านต่าง ๆ ได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณสำหรับการลงทุนและความเข้มงวด ที่ทุกคนพยายามช่วยกันดูแลรักษาสุขอนามัยให้ได้อย่างเหมาะสม
 
ประการที่สาม ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้บอกชัดเจนว่าต้องการให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็ว ประเด็นนี้ อยากบอกกับทุกคนว่า รับทราบและเข้าใจความต้องการ ซึ่งจะดำเนินการตามที่ท่านเสนอ เมื่อเห็นว่า ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ลดลงไปอยู่ในระดับที่จะยอมรับความเสี่ยงนั้นได้ เพราะสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างมากก็คือ ถ้าเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้เร็วเกินไป หากนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาด้วย ทุกอย่างที่ทำมาได้ดีทั้งหมดจะเสียเปล่า แล้วจะต้องกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ ปิดทุกอย่างอีกครั้ง ซึ่งนั่นจะเป็นหายนะอย่างแท้จริงสำหรับทุกคนในประเทศ นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หาจุดสมดุลของการดูแลเรื่องสาธารณสุข และการช่วยเหลือเรื่องการทำมาหากินของประชาชน อยากให้ทุกคนรู้ว่า ผมนึกถึงพี่น้องนับล้าน ๆ คนที่ต้องพึ่งพา หารายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว อยู่ตลอด โดยจะเริ่มสนับสนุนให้มีธุรกิจท่องเที่ยวและบริการภายในประเทศได้เร็ว ๆ นี้
 
ประการที่สี่ ได้สั่งการและสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐพิจารณาการใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้วสำหรับการจัดประชุมสัมมนา ขอให้ออกไปใช้สถานที่ หรือโรงแรมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผมหวังว่านี่จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยได้กำชับด้วยว่า ขอให้เลือกใช้โรงแรมที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายและมีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย
 
ประการที่ห้า จากการหารือกับสมาคมภาคธุรกิจต่าง ๆ ทำให้ทราบว่า มีแรงงานในบางภาคธุรกิจ และในบางพื้นที่ ซึ่งนายจ้างจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว แต่แรงงานกลับไม่ได้รับเงินชดเชยประกันสังคม อาจจะด้วยปัญหาความไม่ชัดเจนในวิธีการพิจารณาและวิธีปฏิบัติ จึงได้สั่งการให้มีการดำเนินการให้มีความชัดเจนแล้ว ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และแรงงานก็ได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม
 
ประการที่หก ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้รับทราบถึงสิ่งที่เกษตรกรกังวลใจมากที่สุด มากกว่าโควิด-19 นั่นคือ ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ จึงได้สั่งการไปแล้วว่าให้หาวิธีการรับมือกับสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ก่อน โดยทันที อะไรที่ทำแล้วจะช่วยได้บ้าง ก็ขอให้ทำไปก่อน ซึ่งขอแจ้งให้ทราบว่า จากข้อมูลและข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์จากสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขณะนี้ตัวแทนชาวนาและเกษตรกรกำลังจัดทำแผนปฏิบัติที่ตรงจุด ซึ่งจะนำเสนอให้พิจารณาเร็ว ๆ นี้ และจะมารายงานให้ทุกท่านทราบในโอกาสต่อไป
 
ประการที่เจ็ด จากที่ได้ไปพบและหารือกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลและข้อเสนอแนะที่สำคัญให้ผมทราบ เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวของภาคการประมง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อกฏหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการประกอบอาชีพ ซึ่งเห็นด้วยในหลายเรื่อง แต่ด้วยมีความซับซ้อนอยู่หลายประเด็น จึงสั่งการให้ตั้งทีมทำงานขึ้นมา เพื่อช่วยกันคิดวิธีแก้ปัญหา แล้วรายงานให้ทราบโดยตรง สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะเชิญตัวแทนจากสมาคมประมง ทั้งประมงพาณิชย์ และ ประมงพื้นบ้าน เข้ามานั่งเป็นทีมทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของภาครัฐด้วย เพื่อให้ได้ยินเสียงจากคนที่ทำมาหากินอยู่ในอาชีพจริง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทำให้หาวิธีแก้ไขปัญหา ได้อย่างถูกต้อง ตรงจุด และรวดเร็ว
นี่เป็นส่วนหนึ่งบางเรื่องที่ได้สั่งการไปแล้ว และเริ่มเกิดการปฏิบัติแล้ว ในระดับนโยบายและสั่งการ แก้ไขปัญหา หาวิธีการที่เหมาะสมโดยยึดกฎหมายเป็นหลัก ทั้ง กฎหมายสากล และ กฎหมายในประเทศ
 
นายกรัฐมนตรีย้ำในช่วงท้ายว่า การเดินทางไปพบปะสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ ทำให้ได้พบกับบุคคลที่น่าประทับใจหลายคน ซึ่งขอขอบคุณทุกคนเป็นอย่างมากที่เป็นส่วนสำคัญของทีมประเทศไทย และที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษก็คือ การที่หลายคนไม่เพียงมีความห่วงใยในภาคธุรกิจของตนเอง แต่ยังห่วงใยต่อประเทศด้วย นี่คือหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของคนไทย และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งต่อไป ขอบคุณครับ

Loading