ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งเพิ่มสิ่งกีดขวางระหว่างชายแดน การใช้เทคโนโลยีบินโดรนสำรวจอย่างต่อเนื่อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ชาวไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ขอให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง รัฐบาลยินดีที่จะดูแลเพื่อเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine 14 วัน สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ขอยืนยันว่า ไม่ใช่ Super Spreader เพราะกระบวนการทางสาธารณสุขสามารถติดตามและยังควบคุมได้ ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้าสู่ประเทศไทยในช่องทางธรรมชาติก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยวานนี้ (8 ธ.ค. 63) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางตรวจราชการที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนถึงความปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่ยังต้องยึดหลัก ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง “โครงการคนละครึ่ง เฟส 2” ซึ่งเปิดเพิ่มอีก 5 ล้านสิทธิ โดยเพิ่มวงเงินให้แก่ 10 ล้านสิทธิเดิมด้วย ซึ่งโครงการจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลถึงการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของคนบางกลุ่ม ที่หาผลประโยชน์แทนการใช้จ่ายตามจุดประสงค์ กระทรวงการคลังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแล้ว
สำหรับกรณีการเสนอมติของสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ประชาธิปไตยในไทย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นเพียงมติจากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ บางคน ที่อาจได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน ซึ่งไม่ใช่ท่าทีโดยรวมของรัฐสภาสหรัฐฯทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเหมาะสม ส่วนการชุมนุมนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมไม่มีใครถูกดำเนินคดีเพียงเพราะการชุมนุมอย่างสงบ สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีความจริงใจและจะดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งนี้ อาจมีการทำประชามติหากจำเป็น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหวังว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรประเทศกับไทยมาอย่างยาวนาน จะเข้าใจกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และสนับสนุนการดำเนินการของไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวในตอนท้ายว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10 – 13 ธ.ค. 63 นี้ ขอให้ระมัดระวังถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพราะอาจเกิดความหนาแน่นในหลายพื้นที่ ที่สำคัญ ขอให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากต้องขับขี่ยานพาหนะ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลด้วย