ขอนแก่นเปิดศูนย์บำบัดยาเสพติด ครบทุกอำเภอ เดินหน้านำผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาแบบไม่มีระยะเวลากำหนด ขอเพียงครอบครัวเข้าใจนำตัวเข้าสู่กระบวนการทันที พร้อมเปิดปฎิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งจังหวัดขานรับนโยบาย “เศรษฐา” ต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 9 ได้ของกลางและผู้ต้องหาอื้อ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 ก.ค.2567 ที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชั้น 4 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น นายยุทธพร พิรุณสาร รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมจู่โจมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายตามแผนปฎิบัติการเร่งรัดดำเนินการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือนที่รัฐบาลกำหนด โดยได้มีการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายครอบคลุม 26 อำเภอ 187 เป้าหมาย 30 หมู่บ้าน จับกุมผู้ต้องห่ได้ 168 รายแยกเป็นผู้เสพ 138 ราย ผู้ค้า 30 รายของกลางยาบ้า 5,216 เม็ด อาวุธปืน 6 กระบอก เครื่องกระสุน 4 นัด ทั้งยังคงยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้รวม 3,770,229 บาท
นายยุทธพร พิรุณสาร รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจหาสารเสพติดเจ้าหน้าที่และบุคลากรของรัฐ 6,511 ราย พบสารเสพติด 5 ราย จึงได้ดำเนินการให้ออก ดำเนินการทางวินัย และนำเข้าบำบัดตามขั้นตอน ขณะเดียวกันยังได้ทำการตรวจสารเสพติดพระภิกษุสงฆ์ 1,030 รูป พบสารเสพติด 36 รูป ทำการลาสิกขาและนำเข้าบำบัดรักษา ขณะที่มาตรการการซีลพื้นที่ ซึ่งจังหวัดได้ประสานการทำงานร่วมกันเป็นทีมโดยเฉพาะฝ่ายปกครอง กำนัน -ผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่ลาดตระเวน หาข่าว ตรวจตรา และการตั้งด่านหมู่บ้าน สามารถตรวจพบการกระทำความผิด 240 ครั้ง ยึดของกลางยาเสพติดและอาวุธปืนได้จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นมาตการที่จังหวัดขานรับนโยบายรัฐบาลและดำเนินการอย่างต่อเอง จริงจัง ไม่มีละเว้น เรียกได้ว่าทุกหน่วยงานมีการซีลพื้นที่ทุกหมู่บ้านของจังหวัดอย่างเข้มงวด เพื่อให้การปราบปรามยาเสพติด และการป้องกันที่รัฐบาลได้กำหนดระยะเร่งด่วนนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประกาศให้เป็นพื้นที่สีขาวได้ทั้งหมด
“ ในกระบวนการบำบัดรักษา ขอนแก่น น่าจะเป็นจังหวัดแรกและจังหวัดนำร่องที่มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูบำบัดยาเสพติดหรือ CI ที่มีการดำเนินการครอบคลุมทุกอำเภอ ซึ่งยอมรับว่าได้ผลอย่างมากเพราะผู้เสพที่สมัครใจและยินยอมเข้ารับการบำบัดก็จะเข้าสู่ขั้นตอนทางกรแพทย์ การเยียวยาจิตใจ การฝึกอาชีพ การออกกำลังกายและดำเนินกิจกรรมตามที่หน่วยงานกำหนด ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจและไม่มีระยะเวลารอคอย”
รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า เราไม่ได้กำนดว่าทุกคนที่เข้ารับการบำบัดจะอยู่นานเท่าใด เพราะสิ่งที่สำคัญคือชุมชนและครอบครัวนั้นยินยอมและส่งมอบผู้เสพมาเข้าสู๋กระบวนการบำบัดขอเพียงทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือเพียงแค่นำบุตร-หลาน หรือคนในครอบครัวมาแจ้งกับฝ่ายปกครอง,ท้องถิ่นและทางอำเภอได้รับทราบก็จะเข้าสู่การตรวจร่างกายและพบแพทย์ จากนั้นเมื่อแพทย์แจ้งว่าเข้าสู่การบำบัดของศูนย์ฯได้ ก็จะเข้าสู่การดำเนินงานของจังหวัดและอำเภอที่กำหนดไว้ทันทีโดยไม่ม่าใช้จ่ายใดๆ และเมื่อทุกคนมาอยู่จะพบแพทย์ มาฝึกอาชีพ มาดำเนินกิจกรรมโดยอำเภอและจังหวัดเมื่อจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายเข้มแข็ง และพร้อมที่จะกลับบ้านจึงจะพิจารณาให้กลับบ้านได้