เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้พื้นที่ทางการเกษตรหลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะที่ บ.โคกสี ม.8 ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งปลูกต้มหอมและพริก แปลงใหญ่ของจังหวัด พบว่าฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้มหอมและพริก เกิดปัญหารากเน่าและใบเหลืองทำให้ มีผลผลิตลดลง
นางพนิตพร ภูนนท์ อายุ55ปี บ้านเลขที่ 76 ม.8 บ.เลิง ต.โคกสี จ.ขอนแก่น เกษตรกร กล่าวว่า ยอมรับว่าฝนที่ตกลงมาทำให้แปลงเพาะปลูกเกิดน้ำท่วมขัง ส่งผลให้ต้นหอมและพริกเกิดปัญหารากเน่า ยืนต้นตายจำนวนมาก ผลผลิตน้อยลง แต่กลับทำให้ราคาสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด เช้าวันนี้ คนมารับซื้อ กก.ละ 80 บาท ซึ่งจากการสอบถามพ่อค้าที่ขายหัวหอมพันธุ์บอกว่า ช่วงนี้หัวหอมมีราคาสูงขึ้นเพราะส่งออกไปขายต่างประเทศเยอะ จึงทำให้แพงกว่าทุกปี
“ ราคาหัมหอมทุกปีจะไม่แพงขนาดนี้ แต่ในมุมมองของเกษตรกร ถือว่า คุ้มเพราะคนไม่ค่อยปลูก จึงทำให้ได้ราคาดี ซึ่งถ้าปลูกต้นสวย ดีและมีคุณภาพ สัดส่วนการลงทุน 10,000 บาท อาจจะได้กำไรสุงถึง 20,000-30,000 บาท ดังนั้นการปลูกต้นหอมและหัวหอมปีนี้ถือว่าคุ้ม”
นางพนิตพร กล่าวต่ออีกว่า ช่วงนี้มีพ่อค้าแม่ค้านำรถเข้ามารับซื้อถึงหมู่บ้าน เกษตรกรมีหน้าที่เก็บขายอย่างเดียว แต่หากอยากได้ราคาที่สูงกว่านั้นก็ต้องเก็บขายแบบไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางจะได้ราคาดีขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคาดว่าผลผลิตปีนี้จะได้ 500-600 กก. ซึ่งจะทำให้ครอบครัวมีรายได้ประมาณ 45,000 บาท
ขณะที่ นางบังอร ศรีสะอาด อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 45/1 บ.เลิง ม.8 ต.โคกสี จ.ขอนแก่น เกษตรกร กล่าวว่า ช่วงนี้ฝนตกเยอะทำให้ต้มหอมและพริกที่ปลูกมีปัญหาถ้าไม่มียาแก้หรือป้องกันรากเน่าจากนั้นผักจะมีอาการใบเหลือง ใบหงิกงอ ต้องใช้ยาเร่งรากหากรากไม่เดินในช่วงนี้ผักมีโอกาสตายสูง ขณะที่ ราคาต้นหอมมีคนมารับซื้อ กก.ละ 70 บาท
“ แต่หัวที่นำมาใช้ปลูกตอนนี้ กก.ละ 120 บาท ถือว่าไม่คุ้มเพราะต้นทุน เพราะหัวหอมที่นำมาใช้ปลูกขึ้นราคา ซึ่งเมื่อต้นทุนสูงขึ้นเฉลี่ยแล้วไม่เหลืออะไรเลย เดิมหัวหอมพันธุ์มีราคาอยู่ที่ กก.ละ 45-60 บาท ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 120 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่ปรับขึ้นมาได้หลายเดือนแล้ว ขณะที่พริกช่วงนี้อยู่ในช่วงเริ่มปลูกใหม่อาจจะต้องใช้เวลา 3-4 เดือนถึงจะมีผลผลิตออกมา ซึ่งถ้าออกผลผลิตทันช่วง ธ.ค.-ม.ค จะได้ราคาดีมากคือ 1ถุง 10 กก. ราคาจะอยู่ที่ 400-500 บาท แต่ถ้าหลังจากปีใหม่ไปแล้วราคาจะตกลง อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ต้องคอยมาดูแปลงเพื่อไม่ให้น้ำขังเพราะถ้ามีน้ำขังพริกจะเป็นโรคเช่นกันทั้งรากเน่า ใบหงิกงอ และไม่ออกลูกจึงต้องหมั่นมาดูในระยะนี้อย่างใกล้ชิด”