“ประภัตร” รุดช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคลัมปีสกิน ที่ขอนแก่น
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 มี.ค. 2565 ที่ อบต.บ้านโนน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปี สกินในโค – กระบือ และมอบโคในโครงการธนาคารโค – กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริจำนวน 27 ตัว ให้กับเกษตรกรนำไปเลี้ยง เพื่อผลิตลูก โดยมี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่นพร้อมด้วยนายอำเภอผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมให้การต้อนรับ
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขอนแก่นมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโค – กระบือ จำนวน 56,244 ราย แบ่งเป็นโคเนื้อ จำนวน 287,429 ตัว โคนม จำนวน 39,661 ตัว และ กระบือจำนวน 45,230ตัว รวม มีเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปี สกินในโค – กระบือ ครอบคลุม ทั้ง 26 อำเภอ มีโค – กระบือ ป่วยสะสมจำนวน 33,292ตัว รักษาหายสะสม 28,960 ตัว และตาย 4,261 ตัว ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โรคระบาดสัตว์ ชนิดโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือและจังหวัดได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ขอนแก่น จำนวน 3 ครั้งโดยมติที่ประชุมเห็นชอบให้ช่วยเหลือเกษตรกร 3,867 ราย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์ ชนิดโรคลัมปีสกิน ที่ขอนแก่น ไปแล้ว 3,627 ราย เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 78,665,000บาท และยังคงรอเงินช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 240 ราย เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 6,092,000บาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ
ขณะที่ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในเขตจังหวัดขอนแก่น ที่วัวเป็นโรคลัมปีสกิน โดยมอบทั้งสิ้น 78.6ล้านบาท ซึ่งขณะมอบไปแล้ว เกือบ 80 % ถือว่าเป็นวันที่เกษตรกรรอคอยและพอใจ โดยนายกรัฐมนตรีกำชับว่าเงินก้อนนี้เกษตรกรจะได้นำไปเลี้ยงวัวต่อหรือทำกินอย่างอื่นก็ได้นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้มอบเงินให้กับทาง ธกส. อีก 30,000 ล้านบาท เป็นโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้ของเกษตรกร ซึ่งให้เงินเกษตรกรยืมคนละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ แต่ใช้เป็นคนค้ำประกัน 2 คน รวมแล้ว3คนต่างคนค้ำ ได้300,000 บาท จะทำอาชีพอะไรก็ได้ ทั้งการเกษตร ประมงและปศุสัตว์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องเน้นว่าขายให้ใคร ราคาเท่าไหร่ ที่ไหน โดยเงินก้อนนี้ให้ยืม3ปี และเกษตรกรก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครหลอก และเมื่อขายไปแล้วต้องไม่ขาดทุนด้วย
ผู้สนับสนุนแพลตฟอร์มข่าว-0628929797 >