ชาวขอนแก่นเห็นด้วย ครม.พิจารณาเกณฑ์ใช้เงินประกันสังคม 3 ข้อช่วยเหลือแรงงานในระบบรับเปิดเทอมและภาวะโควิด พบส่วนใหญ่ต้องการขอคืน ในวงเงินร้อยละ 50 ของเงินสะสมที่มีอยู่มาใช้จ่าย
เมื่อเวลา 10.30 น .วันที่ 13 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอปรัฐเกณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนมีโอกาสเลือกบริหารจัดการเงินที่สะสมไว้เพื่อโอกาสต่างๆ มากขึ้น กับเกณฑ์ใหม่ “3 ขอ” ซึ่งภายหลังจากมติ ครม.ดังกล่าว ออกมาได้รับความสนใจและติดตามข้อมูลจากชาวขอนแก่นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ประกันตนในมาตรา 33 ของกองทุนประกันสังคมที่ต่างรอความชัดเจนในการใช้สิทธิ์ ตามเกณฑ์ใหม่ ” 3 ขอ” ดังกล่าว
นายพงษ์วสันต์ จาริชานนท์ อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ในเขต จ.ขอนแก่น กล่าวว่า มติ ครม.ดังกล่าว นั้นถือว่าเป็นการช่วยแรงงานได้อย่างมาก ในภาวะวิกฤติเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งโควิด-19 และช่วงเปิดเทอม ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับในมาตรการ 3 ขอนั้น ประกอบด้วย ขอเลือก คือการมีสิทธิเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ เมื่อนำส่งเงินสมทบครบเงื่อนไขการได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว, ขอกู้ คือ นำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน
“และขอคืน คือการที่สามารถนำเงินกรณีชราภาพที่ผมสมทบอยู่ในกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ก่อนบางส่วน ทั้งนี้โดยส่วนตัวต้องการขอคืน เพราะต้องการเงินสมทบที่ส่งไปนั้นได้รับกลับคืนมาใช้จ่ายในระยะนี้เพราะช่วงเปิดเทอมมีค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่เยอะพอสมควร”
นายพงษ์วสันต์ กล่าวต่ออีกว่า จากข้อมูลพบว่าในการขอคืนนั้นมีการพูดคุยกันในอัตราร้อยละ 20-30 ของเงินสมทบที่ส่งไป ซึ่งโดยส่วนตัวอยากให้มีการพิจารณาในหมวดขอคืนในอัตราร้อยละ 50 ของวงเงินสมทบ ซึ่งตนเองนั้นอยู่ในระบบแรงงานที่ส่งเงินสมทบในมาตรา 33 มานาน และใช้สิทธิ์ประกันสังคมทั้งค่าทันตกรรม ค่าคลอดบุตร และค่าอื่นๆตามสิทธิ์ ที่ได้รับ ดังนั้นการที่ ครม.ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือในการนำเงินกองทุนประกันสังคมที่แรงงานในระบบได้ส่งเงินสะสมไว้นั้นถือเป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะเหตุการณ์และสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ได้อย่างมาก