วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2567

โพลเผยคนไทยการ์ดตกหลังผ่อนปรนมาตรการโควิด

กระทรวงสาธารณสุขโดย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สรุปผลการสำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. 2563 และเตรียมนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้มากขึ้น โดยการสำรวจทั้งหมดมีผู้ตอบแบบสอบถาม 19,378 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 73% ชาย 26% อายุเฉลี่ย 48 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป 86% อาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 27% พนักงานลูกจ้างเอกชน 24% และประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย อาชีพอิสระอีก 19%

ทั้งนี้ผลสำรวจพบว่าในช่วงมาตรการผ่อนปรน กลุ่มตัวอย่าง 48% มีรายได้ลดลงและอีก 53% มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยพบว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของประชาชนส่วนใหญ่ (88%) มาจากค่าอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย เฟซชิลด์ รองลงมา ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ (76%) และค่าอาหาร (56%)

ส่วนภาพรวมการเดินทางออกนอกจังหวัดในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบประชาชน 26% เดินทางออกนอกจังหวัด โดยเหตุผลที่เดินทางออกนอกจังหวัดเพราะจำเป็นต้องไปทำงาน 61% และเดินทางไปธุระจำเป็น เช่น ติดต่อหน่วยงานราชการ 21% และเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว ญาติ เพื่อนฝูง 21% นอกจากนี้ยังพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนประมาณ 11% ไปร่วมการรวมกลุ่มกิจกรรมทางสังคม เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานสังสรรค์ งานประชุม การเรียนการสอนต่อหน้า

สำหรับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในช่วงผ่อนปรนมาตรการระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. พบว่า ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองลดลงในทุกพฤติกรรม เมื่อเทียบกับข้อมูลก่อนการผ่อนปรนมาตรการฯ (สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเม.ย.)

ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19 พบว่า 65% เชื่อมั่น ขณะที่ 21% ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ และ 14% ไม่เชื่อมั่น

ทั้งนี้สามารถทำแบบสอบถาม “การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน” ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ https://thaifightcovid19.com/

Loading